ในใน

บันทึกธรรม เมื่อวันอาทิตย์ที่ ๒๘ สิงหาคม พ.ศ. ๒๕๒๖
เวลา ๑๘.๓๐ น

            

                อารมณ์จิตเอามาเป็นอารมณ์กัมมัฏฐานมี ๔๐ กองคือ กสิน ๑๐ อสุภะ ๑๐ อนุสติ ๑๐ ธาตุ ๔ พรหมวิหาร ๔ อาหาเรปฏิกูลสัญญา ๑  จตุววัฏฐาน ๑  สำเร็จด้วยเอามาเป็นอารมณ์ของใจ เป็นอารมณ์ภายใน ยืน เดิน นั่ง นอน ให้จิตรู้เห็น อารมณ์กรรมฐาน ที่จิตตามระลึกรู้ตลอดเวลา ทุกอิริยาบถการเคลื่อนไหว เหยียดแขน คู้แขน แม้กินดื่มเคี้ยวลิ้ม อุจจาระปัสสาวะก็ให้รู้ เห็นอารมณ์ที่ตนเพ่งอย่างเดียวหรือพิจารณาอย่างเดียว หรือทั้งเพ่งด้วยพิจารณาทำความเข้าใจด้วย

                เพ่งเพื่อรู้ เพ่งเพื่อละ พิจารณาเพื่อรู้ พิจารณาเพื่อละ เพ่งสงบอย่างเดียวเป็นสมถะ พิจารณาอย่างเดียวเป็นวิปัสสนา ทั้งเพ่งทั้งพิจารณาเป็นสมถะวิปัสสนา


                จิตรู้ทวนกระแสอารมณ์ เพราะเข้าใจอารมณ์
                จิตตัดกระแสอารมณ์  เพราะรู้โทษอารมณ์

                จิตตกกระแสโคตรภูญาณ คือ จิตตกกระแสศีล เว้นละขาดอารมณ์เกิดญาณรู้ เกิดปัญญารอบรู้ เห็นศีลปลอดจากข้าศึกศัตรู พ้นเวรกรรมพยาบาท ไม่ต้องมีเวรกรรมกับใคร ต่อนั้นไปก็รักษาศีล ปฏิบัติธรรม ละเว้นเด็ดขาดกับอารมณ์รูป เสียง กลิ่น รส โผฏฐัพพะ ที่เป็นสมุทัยก่อให้เกิดความโลภ ความโกรธ ความหลง ทำให้เกิดมีอารมณ์ราคะ โทสะ โมหะ มานะ ทิฏฐิ อุทัจจะกกุจจะ อวิชชา อารมณ์ทั้งปวงที่ไม่รู้เป็นรากเหง้าอวิชชาโมหะทั้งสิ้น อารมณ์ทั้งปวงที่รู้แล้วไม่หลง เป็นรากเหง้าของวิชชาทั้งสิ้น เป็นมรรคหนทางการเข้าถึงการดับทุกข์ ดับอารมณ์ทั้งปวงได้ก็เป็นนิโรธะความดับสนิททั้งปวง จงขวนขวายดับอารมณ์เถิด นิโรธะจะดับตัวเอง ความดับไม่มีเชื้อ ก็ดับอารมณ์นี่เอง ไม่มีดวงจันทร์ ดวงอาทิตย์ ดวงดาว  เพราะอารมณ์รู้แล้วในสมมุติบัญญัติ ในปรมัตถบัญญัติ จิตไม่มีอารมณ์จิตไม่รับอารมณ์จึงเรียกตามสมมุติบัญญัติว่า นิพฺพานํ ปรมํสุญฺญํ สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าพร้อมพระอรหันต์สาวกทรงพระชนมายุอยู่ยังรู้อารมณ์ ยังรับอารมณ์ตามสมมุติบัญญัติว่า นิพฺพานํ ปรมํสุขํ รับอารมณ์เป็นสุขตามสภาวะ

Share