พ้นจากมัจจุมารความตาย
พิจารณาธรรม วันพฤหัสบดีที่ ๔ สิงหาคม พ.ศ. ๒๕๓๑
เวลา ๑๘.๒๖ น.
โลกใบนี้ ไม่ว่าสิ่งใดสิ่งหนึ่ง ที่เกิดขึ้นแล้ว โดยธรรมดาสิ่งนั้นทั้งปวง ล้วนมีความดับเป็นธรรมดา สิ่งใดที่เกิดดับอยู่โดยธรรมดา สิ่งนั้นทั้งปวงล้วนอยู่ในอำนาจ ของอนิจจัง ทุกขัง อนัตตา สิ่งใดที่ตกอยู่ในอำนาจ ของอนิจจัง ทุกขัง อนัตตา สิ่งนั้นทั้งปวง ล้วนตกอยู่ในอำนาจของมัจจุมารหรือความตายทั้งสิ้น
การที่เราไม่ยึดถือสิ่งหนึ่งสิ่งใดนั่นแล ว่าเป็นเราเป็นของเรา! เราจึงไม่มีอะไร?? ที่จะอนิจจัง ไม่มีอะไรเป็นทุกขัง ไม่มีอะไรเป็นอนัตตา พระยามัจจุราชจึงไม่เห็นเรา ไม่สามารถทำสีหนาทกับเรา! เราจึงเป็นอิสระ เพราะไม่มีอะไร! ไม่มีอาลัยความห่วง อนาลโย ไม่มีอาลัยในสิ่งต่างๆ แล้วก็เป็นผู้นิรทุกข์ไม่มีทุกข์ เพราะไม่มีอะไร อาลัย ทั้งภายในภายนอกแล้วนั่นเอง ใจรู้เห็นสภาพต่างๆ ก็วางเฉยในสภาพต่างๆ ไม่ได้ถือเอาเป็นของตนหรือของใจ แต่ถือเอาเป็นส่วนบำรุงสังขารอันเป็นของโลก ใจถือเอาเพียงพอกับความจำเป็น พอดีกับศีลพอดีกับธรรม พอดีกับเหตุปัจจัย ใจจึงหมดความอยากทั้งปวง เพราะรู้สภาวะตามเป็นจริง
เพราะความจำเป็นของสังขารนั่นเอง ที่ต้องมีการขับถ่าย ธาตุขันธ์ ต้องการแต่จิตสงบ จำเป็นต้องทำหน้าที่ไปตามธรรม แสดงธรรมเพื่อเผยแผ่สัจจะธรรม ตามเป็นจริง พระยามัจจุราชหรือใครๆ ก็ไม่อาจคัดค้าน ในเมตตาธรรม ในกรุณาธรรม ในมุทิตาธรรม ในอุเบกขาธรรม เพื่อยุติธรรม เพื่อยุติกรรมชั่ว วิบากกรรมชั่ว เศษกรรมชั่ว ทั้งหลายทั้งปวงของมนุษย์โลก เทวโลก พรหมโลก เพื่อเพิ่มพูนกรรมดี วิบากกรรมดี เศษกรรมดีทั้งหลายทั้งปวง ของมนุษย์โลก เทวโลก พรหมโลก และทำอันตรายได้ เพื่อให้ศีลธรรมอยู่คู่กับ ๓ โลก
ผู้มีศีลละเท่านั้น จึงทิ้งละทิ้งโลกธรรมดา ธรรมมีมากมายของแต่ละโลก เราจึงเรียกกันทั่วไป ทั้ง ๓ โลก เรียกว่าโลกธรรม ถ้าเราทุกคนทุกท่านทุกพระองค์ มีศีลละธรรมในโลกเสียได้ เราทั้งหลายก็พ้นทุกข์ ที่สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าทุกพระองค์ตรัสเหมือนกันว่า สีเลนะนิพฺพุติ ยันติ ตัสมา สีลํวิโส ธเย เพราะ เหตุนั้นทำศีลให้บริสุทธิ์