ธาตุไฟอนัตตา

พิจารณาธรรม วันอาทิตย์ที่ ๒๒ กันยายน พ.ศ. ๒๕๓๔  
เวลา ๑๕.๐๔ น.
                ๔. ธาตุไฟ   มีทั้งภายใน มีทั้งภายนอก ไฟปกติหมายถึงไฟทั่วไปตามที่เห็นไฟเผาไหม้ ไฟป่า ไฟหุงต้มอาหาร ไฟไหม้บ้านเรือน ไฟฟ้า ฯลฯ เป็นต้น
                ธาตุไฟภายใน หมายถึงไฟธาตุ ไฟยังกายให้อบอุ่น ไฟเผาไหม้อาหารให้ย่อยไป ไฟยังกายให้ทรุดโทรม ไฟยังกายให้เร่าร้อน ด้วยไฟราคะ ไฟโทสะ ไฟโมหะ! ไฟมีลักษณะร้อน ทำให้อาหารที่กินเข้าไปไม่บูด เสียไฟธาตุเผาไหม้ให้ย่อย ทำให้ร่างกายอบอุ่น  ทำให้ร่างกายทรุดโทรม แก่ เจ็บ ตาย ทำให้เร่าร้อนด้วยราคะ โทสะ โมหะ กระวนกระวาย กระหายหิว ร่างกายมีความร้อนมากเท่าใดก็ต้องอาศัยยา อาศัยน้ำบรรเทากว่าจะคลายร้อน บางคราวก็ต้องพัดลมช่วยระบาย เดี๋ยวนี้มีแอร์เย็นฉ่ำ ความร้อนในกระหายน้ำ ทำให้อ่อนเพลียหมดกำลัง ไม่สบายกายไม่สบายใจ ถ้าน้ำในกายมากไปไฟธาตุดับ หรือธาตุไฟมากเกินร้อนเกินไฟธาตุแตก ชีวิตอยู่ไม่ได้ อนิจจัง ความไม่เที่ยงของธาตุไฟย่อมมีธาตุไฟไม่พอดี ความเป็นทุกข์ย่อมเกิดขึ้น ไฟธาตุอ่อนไปบ้าง น้อยไปบ้าง ไฟธาตุร้อนแรงไปบ้าง มากไปบ้าง ถ้ารู้ประมาณธาตุในการทำให้เป็นไปพอดี ด้วยการไม่ทำกายให้ร้อน ไม่ทำใจให้ร้อน ด้วยศีลด้วยธรรมแล้ว ก็จะมีธาตุไฟที่ดี ไม่อนิจจังไปเร็ว เป็นทุกข์เร็ว ไม่อนัตตาไปเร็ว ที่อนิจจัง ทุกขัง อนัตตาไปเร็ว เพราะไม่มีศีลธรรม กายก็ร้อน ใจก็ร้อนด้วยราคะ โทสะ โมหะ มานะ ทิฏฐิ
                ธาตุไฟภายนอก แม้ร้อนแรง เผาไหม้มากมายเพียงใด ก็พยายามอย่าใส่เชื้อฟืน น้ำมันและสิ่งของ ทั้งต้องเตรียมน้ำไว้พร้อมเพื่อดับไฟ เมื่อร้อนก็อาบน้ำ หิวกระหายก็ดื่มกิน ผู้มีปัญญาก็จะทำไฟให้อยู่ในเขตควบคุม ก็ใช้ไฟให้เป็นประโยชน์ ประมาทพลั้งเผลอเป็นเผาไหม้หมดตัว ไฟนอกหมดเชื้อฟืนก็หมดดับไฟภายในหมดไฟราคะ โทสะ โมหะ มานะ ทิฏฐิก็ดับ อนัตตาตัวตนของไฟก็ไม่ปรากฏ ไฟดับไปแล้วไปไหน? อยู่ที่ใจรู้! มีร่องรอยเผาไหม้ หยุดแค่ไหนไฟก็ดับแค่นั้น แต่ไฟกิเลสตัณหามันเผาร้อนที่ใจ เมื่อมันดับหายไปแล้วใจก็สงบเยือกเย็นเป็นสุขทั้งกายทั้งใจ ไม่ถูกไฟทุกข์เผารนหม่นไหม้ กายใจก็สงบ
                 จิตมีอุปาทาน มีสังขารจิตปรุงแต่ง มีความยึดถือไฟไว้ใช้ประโยชน์ ไม่มีไฟจึงเป็นทุกข์ จิตมีไฟราคะ โทสะ โมหะ มานะ ทิฏฐิ มีกิเลส  ตัณหา มีความอยากต้องการเป็นสมุทัยให้เกิดทุกข์ จิตพิจารณาธาตุไฟภายใน ธาตุไฟภายนอก เห็นความไม่เที่ยงเป็นทุกข์ เป็นอนัตตา แล้วละอุปาทานความยึดถือธาตุไฟเสียได้ เป็นมรรคหนทางเข้าถึงความดับทุกข์ จิตถอนความยึดถือ อุเบกขาวางเฉยรู้ตามเป็นจริง ก็หลุดพ้นจากไฟทุกข์ทั้งปวง กิเลสไฟภายใน กิเลสไฟภายนอกดับ หมดเชื้อไฟภายใน สิ้นตัณหาไฟภายนอก อนัตตาตัวตนที่ใจ ก็ดับไป ด้วยกันดังนี้แล
                 “พระสัมมาสัมพุทธเจ้า ทรงแสดงพระธรรมว่า การประพฤติพรหมจรรย์นั้นเพื่อความดับไม่มีเชื้อ! เราก็ต้องพิจารณาทุกอย่างที่เป็นเชื้อของกิเลสตัณหา ไม่ให้ข้าวน้ำอาหาร ไม่ให้เหยื่อไม่ให้ปุ๋ย ด้วยการไม่ให้โอกาส! ท้ายสุดก็หมดสิ้นเชื้อไปเอง! เช่นเดียวกับความรักความหลง อย่าได้มีเหยื่อเยื่อใย ไม่ประคับประคอง ไม่ห่วงใย ไม่เอาใจใส่มันก็คลายความรักไปเอง ! เช่นเดียวกับความรักความหลง อย่าได้มีเยื่อใย ไม่ประคับประคอง ไม่ห่วงใย ไม่เอาใจใส่มันก็คลายความรักไปเอง ! ความปรารถนา ความต้องการ มีที่ใจ แต่ไม่ให้โอกาสติดต่อ! ความไม่ติดต่อมันก็ขาดไปเอง”
Share