ทาน ศีล ภาวนา ตัวเดียวกัน

 
พิจารณาธรรม วันพฤหัสบดีที่ ๔ กุมภาพันธ์ พ.ศ. ๒๕๒๕
เวลา ๒๒.๔๕ น.

                ทำไมจึงว่าอย่างนั้น  เพราะ ศีลอยู่ที่ลอละ  ถ้าไม่มีลอละก็เหลือแต่สีเท่านั้น แล้วจะมีประโยชน์ต่อการปฏิบัติได้อย่างไร? เพราะลอละก็คือ ตัวจาคะ บริจาคเป็นทานนั่นเอง ละหนึ่งก็เป็นทานที่หนึ่ง เป็นศีลที่หนึ่ง ละบ่อยๆ ก็เป็นภาวนา ทำทานให้มีขึ้นก็เป็นภาวนาในทาน ทำศีลให้มีขึ้นก็เป็นภาวนาในศีล  จิตที่ทำทานละบ่อยๆ ซึ่งวัตถุทานภายนอก และจิตละอารมณ์ความรู้สึกภายในจิตได้เป็นปกติ ก็เรียกภาวนาในภาวนา เป็นภาวนาธรรม ทำให้มีให้เป็นขึ้นทั้งทานภายนอก ทานภายใน


                ถ้าไม่มีภาวนาทำลอละ ทำจาคะบริจาคทานให้เกิดขึ้นแล้ว ทานศีลอย่าหมายว่าจะเกิดมีขึ้นได้เลย ภายนอก เช่นละพ่อแม่ พี่น้อง บุตรธิดา ภรรยา สามี บ้านเรือน ไร่ นา เรือกสวน ทรัพย์ สมบัติเงินทอง ภายในก็ละ ราคะ โทสะ โมหะ มานะทิฏฐิ เป็นต้น มรรคสมังคี คือ มรรคสามัคคี จะต้องเป็นลักษณะรูปแบบอย่างนี้ จึงจะมีกำลังใจมากขึ้น  ถ้ามีกำลังใจมากๆ อย่างนี้ ละภายใน ละภายนอก กิเลสคือราคะ โทสะ โมหะ ต้องหมดไปจากจิตใจแน่นอน รู้ละ! อย่างนี้ละ! ความเห็นอย่างนี้ ปฏิบัติเพื่อละ! อย่างนี่ เอโกธมฺโม ธรรมเดียว เอกํจิตฺตํ จิตเดียว ละเป็นทาน ละเป็นศีล ละเป็นภาวนา ละเป็นอุปาทานภายใน ภายนอก

                “ไม่ควรหวั่นไหวในเสียงเหมือนราชสีห์ผู้ไม่มีความสะดุ้ง  ไม่ควรติดใจอะไรในโลก เหมือนลมไม่ติดตาข่าย ไม่ควรแปดเปื้อนกิเลสตัณหาเหมือนดอกบัวไม่ติดน้ำ ไม่ควรทำใจให้หวั่นไหวในโลกธรรมเหมือนภูเขาหิน ย่อมไม่หวั่นไหวลมและแดดฉะนั้น”

 

พิจารณาธรรม วันพุธที่ ๑๖ ตุลาคม พ.ศ. ๒๕๒๖
เวลา ๐๕.๑๔ น.
Share