ปัญญาอาศัยจิต จิตอาศัยปัญญา

                ปัญญาอาศัยจิต ถ้าจิตไม่มีปัญญาเกิดขึ้นไม่ได้ อาศัยเหตุนี้พระอรหันต์ทุกประเภทล้วนสำเร็จเจโตวิมุตติ ปัญญาวิมุตติ เพราะจิตเป็นเหตุ ปัญญาเป็นผล ที่จิตอาศัยธรรมวินัยอบรมจนเกิดปัญญารู้ตามเห็นตาม จนจิตเป็นปัญญา ปัญญาเป็นจิต จิตอาศัยพระธรรมวินัย ปัญญาตรัสรู้ของพระพุทธเจ้า อบรมแล้วก็หลุดพ้นได้ ที่เรียกปัญญาวิมุตติ เพราะปัญญาอบรมจิต ข้อนี้เป็นปัญหานอกที่โอปนยิโกน้อมเข้ามาในจิต

 

                เหมือนเรื่องพระสารีบุตรท่านได้ถวายงานพัดพระศาสดาอยู่  พลอยได้ปัญญาความรู้สำเร็จเป็น   สาวกบารญาณ เพราะได้ฟังเวทนาปฏิคคหสูตรในเรื่องทิฏฐิ ๓ จำพวก แก่ฑีฆะนะขะเวสนะโคตร ณ.ที่ถ้ำสุกรขาตา ภูเขาคิชกูฏ ซึ่งเป็นหลานของท่าน ฟังจบบรรลุอรหัตตผล ฑีฆะนะขะบรรลุโสดาบัน นี่ปัญญาวิมุตติเพราะท่านตั้งใจฟังตามด้วยดี มีสมาธิมั่นคงในการฟัง จึงเกิดปัญญารู้แจ้งในจิต กำหนดจิตตามพระกระแสธรรม จึงเกิดความเห็นได้ตรงถูกต้อง เพราะมีปัญญาพิจารณาธรรม กำหนดจิตตามด้วยดี มีปัญญาผ่องใส มีจิตใจบริสุทธิ์ ควรแก่ธรรมของพระพุทธเจ้า จิตจึงเต็มเปี่ยมไปด้วยธรรมเพราะความเคารพพระพุทธเจ้า เคารพในพระธรรมกระแสเสียง มีจิตตั้งมั่นอ่อนโยน ควรแก่การงาน จิตอ่อนชนิดนี้คงมีเมตตาภาวนาอยู่เสมอ มีจิตเมตตาอยู่เสมอ จิตคิดใคร่สงเคราะห์ อนุเคราะห์ผู้อื่นอยู่เสมอ  จึงเป็นผู้มีทิฏฐิละเอียด มีความเห็นละเอียด จึงมีปัญญาละเอียด  จึงเป็นคนละเอียดถี่ถ้วน แม้สิ่งเล็กน้อยก็พิจารณาถึงเหตุถึงผล จึงเป็นผู้รู้จักคุณรู้จักโทษ มีประโยชน์และไร้ประโยชน์ เมื่อท่านสารีบุตรมีทิฏฐิละเอียด ปัญญาละเอียด เป็นประณีตสุขุมลุ่มลึก ละเอียดอ่อน คัมภีรภาพ มีปกติอยู่ด้วยกาย วาจา และใจอยู่เช่นนี้ พระสัมมาสัมพุทธเจ้าก็ทรงทราบด้วยญาณอันวิเศษกว่าของพระองค์ จึงทรงแสดงแจงทิฏฐิ ๓ จำพวกให้ฟัง ผลก็ทรงสมปรารถนา ได้พระอัครสาวกผู้มีปรีชาญาณด้านปัญญาเป็นคู่บารมี

 

                ส่วนเจโตวิมุตตินั้น อาศัยปัญญาใน ที่ปรากฏอุบายแยบคายในจิต จิตมีความรู้ ความเห็นเป็นอัศจรรย์ เป็นเองโดยอัตโนมัติ มีความรู้ปรากฏไม่สิ้นสุด จนคร้านที่รับรู้รับทราบ จิตรู้แต่บังคับไม่ให้รู้บ่อยเข้า ถีนะมิทธะก็ครอบงำ จิตก็เข้าฐานที่สงบไม่ยอมรับรู้รับทราบดังแต่ก่อน เงียบหายเป็นประจำ จะบังคับให้รู้ดังแต่ก่อนก็ไม่ได้ ถูกถีนะมิทธะนิวรณ์ครอบงำใจ จิตก็ไม่ผ่องใส ใจก็เลยไม่สงบ พบแต่ความฟุ้งซ่าน อุบายระงับจิต ข่มจิต ดักจิต ยกจิตไม่พอ  เพราะความโงกง่วงครอบงำ ดังเช่นพระมหาโมคคัลลานะ พระสัมมาสัมพุทธเจ้า ทรงทราบด้วยพระญาณก็ทรงเสด็จมาประทานอุบายระงับการโงกง่วงเสียได้ ใจก็เป็นสุข จิตก็เป็นสมาธิ คอยระงับจิตเมื่อเป็นไปพล่าน ยกจิตเมื่อหดหู่  ประคองจิตเมื่อเป็นไปสม่ำเสมอ จิตถูกอุบายวิธีนี้กำหราบก็อยู่ในอำนาจ สามารถบังคับบัญชาตามปรารถนาที่ใจต้องการ สามารถกำหนดจิต ดูจิต รู้จิตของบุคคล สัตว์และเทพ พรหมทั้งหลายได้ เป็นผู้ชำนาญจิต แสดงฤทธิ์ต่างๆ ตามที่ตนและพระพุทธเจ้าต้องการ เมื่อสำเร็จเป็นสาวกบารมีญาณคู่พระบารมีพระพุทธเจ้าในทางมีฤทธิ์ มีปัญญาแต่อาศัยจิต จึงมีฤทธิ์ มีเดช มีอำนาจ สามารถทรมานมนุษย์ สัตว์ที่เป็นมิจฉาทิฎฐิให้เป็นสัมมาทิฏฐิได้โดยง่าย จิตเป็นไปพร้อมกับปัญญา มีความรู้แจ้งในจิต พิจารณาจิต ดูจิต เห็นจิต พิจารณาเฉพาะๆเรื่อง ละไป ทิ้งไป ตามลำพัง ตามกำลังของจิตเอง จิตหมุนรอบพร้อมปัญญา รู้ รู้แล้วละๆๆๆๆ ตัดไป (ผ่านอารมณ์ไปๆ)จนจิตรวม พักถอน รวม พักถอน จนจิตมีกำลัง มีอานุภาพทำลายกิเลส อาสวะ หลุดไปสิ้นไป หมดกิเลสเหลือแต่รู้ เป็นสัญญาอารมณ์ ใจรู้อารมณ์จิต สามารถละอารมณ์ ถอนอารมณ์ที่จิตเคยยึดมั่น ถือมั่น  แต่รู้อารมณ์ ไม่กินอารมณ์ เพราะเคยกินจนเบื่ออารมณ์ คลายอารมณ์ เป็นจิตล้วน เอกตคตาจิต เป็นธรรมล้วน เอกตคตาธรรม เอกํจิตตํ จิตเดียว เอโกธมโม ธรรมเดียว จิตปภัสสร ตอนนี้บริสุทธิ์ผ่องใสยิ่งนัก ธมโมปทีโป เป็นดวงประทีปธรรม เห็นอรรถธรรมสว่างสุขุมลุ่มลึก กว้างไกลยิ่งนัก ธรรมประณีต จิตก็ประณีต จิตหยาบก็รู้หยาบ เห็นหยาบ ธรรมตื้นๆ

 

                อันนี้แล้วแต่บุพพวาสนา หยาบ ปานกลาง ประณีตต่างกัน นิสัยวาสนาต่างกัน ความรู้ความเข้าใจในธรรมต่างกัน เพราะอบรมสั่งสมเหตุมาต่างกัน จึงรู้กว้างแคบต่างกัน อุปนิสัยต่างกัน จิตหรือจริตต่างกัน ฤดู วัน เดือน ปี ต่างกันคล้ายกันก็มีบ้างแต่ไม่ถึงกับเหมือนกัน ทำด้วยกัน สร้างเหมือนกันแต่อารมณ์ธรรม อารมณ์สร้างหรืออารมณ์ปรารถนาต่างกัน จึงมีส่วนเหมือนโดยรูปวัตถุ สังขารร่างกาย แต่อารมณ์จิตใจต่างกันลิบลับหรือคนละโลก คนหนึ่งปรารถนาโลกโลกีย์ คนหนึ่งปรารถนานิพพาน แต่อาศัยวัตถุเดียวกันหรือเหมือน หรือด้วยอารมณ์ ตอนปรารถนา ศรัทธาน้อย ปานกลาง ประณีตต่างกัน เพราะฉะนั้นความรู้ความเห็นจึงต่างกัน บางคนใจเย็น บางคนใจร้อน บางคนไม่เย็นไม่ร้อน “นี่แหละปัญญาในอาศัยเจโต” รู้ใจ เห็นใจ กำหนดลงที่ใจ ใจดวงนี้ดวงเดียวที่รู้อยู่เห็นอยู่ ทั้งสะอาด ทั้งสกปรกอย่างไร ก็ได้รู้ได้เห็นที่ใจตนของตน กำหนดตนที่ใจ คนจะไปนรก เป็นเปรต เป็นอสูรกาย  สัตว์ดิรัจฉานก็เพราะใจ จะเกิดมาเป็นมนุษย์ เทวดา อินทร์ พรหม หรือนิพพานก็ด้วยใจดวงนี้ดวงเดียว เพราะฉะนั้นจงรักษาใจ ระวังอย่าให้มีความกำหนัด มีความขัดเคืองและลุ่มหลงมัวเมา อย่ามีความประมาทในการให้ทาน รักษาศีล เจริญเมตตาภาวนา เพื่อหวังมรรค ผล นิพพาน ในกาลบัดนี้ต่อไปเทอญ สวัสดี เอวํ
Share