พิจารณาธรรม วันจันทร์ที่ ๒๘ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๕๒๕
เวลา ๐๗.๓๑ น.
ระวังความเพียรที่สูญเปล่า เพียงดีแต่โง่เขลา เป็นพลังงานที่สูญเปล่า ธรรมชาติธรรมดาทั้งหลายในโลกเกิดเองดับเองเป็นธรรมดา ใครเห็นแล้วรู้แล้ว ท่านว่ามีธรรมจักษุ ผู้เห็นธรรม ต้องศึกษาธรรมชาติให้รู้ธรรมชาติ พิจารณาสิ่งแวดล้อมรอบตัว ธรรมชาติไม่มีพิษเป็นภัยกับจิตใจ ให้มีใจปรับเข้าได้กับธรรมชาติ แต่ธรรมดาของดิน น้ำ ลม ไฟ อากาศก็มีวิปริตแปรปรวน ชีวิตจิตใจก็เป็นธรรมดา มีความแปรปรวน ป่วย เจ็บ แก่ ตาย ไม่ควรขุ่นมัวร้อนใจเป็นทุกข์กับธรรมดา หลงไปกับธรรมชาติ เพลิดเพลินกับธรรมชาติ ปล่อยพลังชีวิตให้สูญเปล่าไปกับธรรมชาติ เป็นพลังความเพียรให้เกิดความโง่เขลา สูญเสียเวลาเปล่าประโยชน์ ทอดทิ้งภาระการงานให้เสียไป เป็นสิ่งล่อใจให้เพลินเท่านั้น
เดี๋ยวก็ถูกความหิวกระหายครอบงำทางกาย ทางใจ ได้อาหารธรรมชาติไปแล้ว ต้องพิจารณาความสมดุลชีวิต ต้องทำให้กายและจิตสมบูรณ์ เรียกว่ามีพลังกาย พลังจิต พลังสติสัมปชัญญะ และปัญญาเพื่อความสมบูรณ์แห่งจิตวิญญาณ อันเป็นที่ยอมรับของสังคมมนุษย์และสรรพสัตว์ ที่ยอมรับนับถือกันตามกฎกติการะเบียบ ประพฤติผิดกฎระเบียบกติกาของสังคมแล้ว ถูกตราหน้าประจานย่อมเป็นทุกข์ ชนส่วนมากจึงเป็นทุกข์เพราะสังคมเป็นค่านิยมที่สูญเปล่า ในบางกฎ บางเรื่อง บางครั้ง ถูกกระแสสังคมบีบคั้น พวกมากลากไปก็เสียประโยชน์ได้ ต้องมีกฎข้อยกเว้นบางครั้ง บางกรณี ต้องเข้าหมู่สังคมที่ดี ให้สังคมที่ดียอมรับ ไม่แหกคอก แหกสังคม ไม่เป็นผู้อันสังคมไม่พึงปรารถนา ผิดหลักผิดเกณฑ์ ผิดธรรมดา ผิดประเพณี ผิดศีล ผิดธรรม อะไรต่างๆ จึงเป็นทุกข์ เกิดความไม่สบายกายไม่สบายใจ เพราะสังคมโลกที่ไม่ยุติธรรม เปรียบถือพรรคถือพวกเป็นต้น เป็นการเบียดเบียน ผิดกติกา ผิดกฎระเบียบ กฎหมาย ศาสนา ประเพณี ศีลธรรม ถือกันว่าเป็นธรรมชาติ ธรรมดาของสังคม
“ *ความรักในความรัก ความรักในความสงสาร ความรักในพลอยยินดี ความรักในความวางเฉย *สงสารในความรัก สงสารในความสงสาร สงสารในความพลอยยินดี สงสารในความวางเฉย *พลอยยินดีในความรัก พลอยยินดีในความสงสาร พลอยยินดีในความพลอยยินดี พลอยยินดีในความวางเฉย *วางเฉยในความรัก วางเฉยในความสงสาร วางเฉยในความพลอยยินดี วางเฉยในความวางเฉย”
|