ขันธ์ ๕
บันทึกธรรม เมื่อวันจันทร์ที่ ๒๑ ถึงวันพุธที่ ๒๓ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๕๒๒
เวลา ๑๔.๑๕ น.
รูปเหนือรูป รูปเหนือเวทนา รูปเหนือสัญญา รูปเหนือสังขาร รูปเหนือวิญญาณ
เวทนาเหนือรูป เวทนาเหนือเวทนา เวทนาเหนือสัญญา เวทนาเหนือสังขาร เวทนาเหนือวิญญาณ
สัญญาเหนือรูป สัญญาเหนือเวทนา สัญญาเหนือสัญญา สัญญาเหนือสังขาร สัญญาเหนือวิญญาณ
สังขารเหนือรูป สังขารเหนือเวทนา สังขารเหนือสัญญา สังขารเหนือสังขาร สังขารเหนือวิญญาณ
วิญญาณเหนือรูป วิญญาณเหนือเวทนา วิญญาณเหนือสัญญา วิญญาณเหนือสังขาร วิญญาณเหนือวิญญาณ
ขันธ์ ๕นี้ผลัดกันเป็นใหญ่ ไม่แน่นอน เป็นอนิจฺจํ ทุกฺขํ อนตฺตา บางคราวรูปปรากฏเด่นชัด เป็นเอกัคคตา บางคราวเวทนาก็เด่นชัดเป็นเอกัคคตา บางคราวสัญญาก็เด่นชัดเป็นเอกัคคตา บางคราววิญญาณก็เด่นชัดเป็นเอกัคคตา บางคราวจิตก็เป็นเอกัคคตาจิต
ขันธ์ ๕ บางคราวปรากฏเด่นชัดเป็นคู่ ๒ คู่ ๓ คู่ ๔ หรือหมดทั้ง๕ สับเปลี่ยนกันปรากฏให้พิจารณาอย่างพิสดารโดยไม่ซ้ำกัน
รูป เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ รูป เวทนา สังขาร สัญญา วิญญาณ
รูป สัญญา เวทนา สังขาร วิญญาณ รูป สัญญา สังขาร เวทนา วิญญาณ
รูป สังขาร เวทนา สัญญา วิญญาณ รูป สังขาร สัญญา เวทนา วิญญาณ
รูป เวทนา สัญญา วิญญาณ สังขาร รูป เวทนา วิญญาณ สัญญา สังขาร
รูป สัญญา เวทนา วิญญาณ สังขาร รูป สัญญา วิญญาณ เวทนา สังขาร
รูป วิญญาณ เวทนา สัญญา สังขาร รูป วิญญาณ สัญญา เวทนา สังขาร
รูป เวทนา สังขาร วิญญาณ สัญญา รูป เวทนา วิญญาณ สังขาร สัญญา
รูป สังขาร เวทนา วิญญาณ สัญญา รูป สังขาร วิญญาณ เวทนา สัญญา
รูป วิญญาณ เวทนา สังขาร สัญญา รูป วิญญาณ สังขาร เวทนา สัญญา
รูป สัญญา สังขาร วิญญาณ เวทนา รูป สัญญา วิญญาณ สังขาร เวทนา
รูป สังขาร สัญญา วิญญาณ เวทนา รูป สังขาร วิญญาณ สัญญา เวทนา
รูป วิญญาณ สัญญา สังขาร เวทนา รูป วิญญาณ สังขาร สัญญา เวทนา
ขันธ์ ๕ มีรูปเป็นใหญ่เป็นประธาน เปลี่ยนพร้อมความรู้สึก นึกคิด มีรูปารมณ์เป็นปัจจัย ทั้งภายใน ภายนอก ภายในได้แก่ รูปกาย ภายนอก ได้แก่ รูปารมณ์ โดยมีจิตเป็นผู้วินิจฉัย กำหนดรู้สภาวะ ปรุงแต่งเกิดดับพร้อม เป็นอนิจฺจํ ทุกฺขํ อนตฺตา รู้แล้วละอุปาทาน ความยึดถือเสียได้ ไม่ปรุงแต่ง ดับรูปเสียได้อยู่เป็นสุข
เวทนา รูป สัญญา สังขาร วิญญาณ เวทนา รูป สังขาร สัญญา วิญญาณ
เวทนา สัญญา รูป สังขาร วิญญาณ เวทนา สัญญา สังขาร รูป วิญญาณ
เวทนา สังขาร รูป สัญญา วิญญาณ เวทนา สังขาร สัญญา รูป วิญญาณ
เวทนา รูป สัญญา วิญญาณ สังขาร เวทนา รูป วิญญาณ สัญญา สังขาร
เวทนา สัญญา รูป วิญญาณ สังขาร เวทนา สัญญา วิญญาณ รูป สังขาร
เวทนา วิญญาณ รูป สัญญา สังขาร เวทนา วิญญาณ สัญญา รูป สังขาร
เวทนา รูป สังขาร วิญญาณ สัญญา เวทนา รูป วิญญาณ สังขาร สัญญา
เวทนา สังขาร รูป วิญญาณ สัญญา เวทนา สังขาร วิญญาณ รูป สัญญา
เวทนา วิญญาณ รูป สังขาร สัญญา เวทนา วิญญาณ สังขาร รูป สัญญา
เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ รูป เวทนา สัญญา วิญญาณ สังขาร รูป
เวทนา สังขาร สัญญา วิญญาณ รูป เวทนา สังขาร วิญญาณ สัญญา รูป
เวทนา วิญญาณ สัญญา สังขาร รูป เวทนา วิญญาณ สังขาร สัญญา รูป
ขันธ์ ๕ มีเวทนาเป็นใหญ่เป็นประธาน เป็นไปพร้อมความรู้สึกนึกคิด มีความสุข ทุกข์ โสมนัส โทมนัส อุเบกขา เป็นเหตุเป็นปัจจัย ในปัจจุบันประมวลมาแต่อดีตมุ่งหวังอนาคตโดยเป็นอตีตารมณ์บ้าง เป็นปัจจุบันอารมณ์บ้าง เป็นอนาคตารมณ์บ้าง จิตกำหนดรู้ความไม่แน่นอนของอดีต ปัจจุบัน อนาคตแล้ว ไม่ควรพอใจ ดีใจ เศร้าใจ เสียใจ โทมนัสน้อยใจกับเวทนา ล้วนแต่เป็นอนิจฺจํ ทุกฺขํ อนตฺตา แก่ผู้ไม่รู้จักแล้วเดือดร้อนอยู่เป็นนิจ ละเสียได้เป็นสุข
สัญญา รูป เวทนา สังขาร วิญญาณ สัญญา รูป สังขาร เวทนา วิญญาณ
สัญญา เวทนา รูป สังขาร วิญญาณ สัญญา เวทนา สังขาร รูป วิญญาณ
สัญญา สังขาร รูป เวทนา วิญญาณ สัญญา สังขาร เวทนา รูป วิญญาณ
สัญญา รูป เวทนา วิญญาณ สังขาร สัญญา รูป วิญญาณ เวทนา สังขาร
สัญญา เวทนา รูป วิญญาณ สังขาร สัญญา เวทนา วิญญาณ รูป สังขาร
สัญญา วิญญาณ รูป เวทนา สังขาร สัญญา วิญญาณ เวทนา รูป สังขาร
สัญญา รูป สังขาร วิญญาณ เวทนา สัญญา รูป วิญญาณ สังขาร เวทนา
สัญญา สังขาร รูป วิญญาณ เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ รูป เวทนา
สัญญา วิญญาณ รูป สังขาร เวทนา สัญญา วิญญาณ สังขาร รูป เวทนา
สัญญา เวทนา สังขาร วิญญาณ รูป สัญญา เวทนา วิญญาณ สังขาร รูป
สัญญา สังขาร เวทนา วิญญาณ รูป สัญญา สังขาร วิญญาณ เวทนา รูป
สัญญา วิญญาณ เวทนา สังขาร รูป สัญญา วิญญาณ สังขาร เวทนา รูป
ขันธ์ ๕ มีสัญญาเป็นใหญ่เป็นประธาน ความจำได้หมายรู้และความยึดถือมั่นในรูป ในเวทนา ความรู้สึกจำได้ ให้โลภ โกรธ หลงจึงมีขึ้น สัญญาไม่เที่ยง เป็นทุกข์ ไม่ใช่ตน แต่จิตไปมีความสำคัญมั่นหมายในบัญญัติรูป บัญญัตินาม จึงเต็มไปด้วยความจำ สั่งสมเป็นอาจิณ ปล่อยว่างได้ยาก ถ้าละสัญญาอุปาทานเสียได้แล้วไม่มีความสำคัญมั่นหมายในรูป ในเวทนา สังขารความปรุงแต่งวิญญาณ ความรู้สึกไม่มี ดับสัญญาเสียได้เป็นสุข
สังขาร รูป เวทนา สัญญา วิญญาณ สังขาร รูป สัญญา เวทนา วิญญาณ
สังขาร เวทนา รูป สัญญา วิญญาณ สังขาร เวทนา สัญญา รูป วิญญาณ
สังขาร สัญญา รูป เวทนา วิญญาณ สังขาร สัญญา เวทนา รูป วิญญาณ
สังขาร รูป เวทนา วิญญาณ สัญญา สังขาร รูป วิญญาณ เวทนา สัญญา
สังขาร เวทนา รูป วิญญาณ สัญญา สังขาร เวทนา วิญญาณ รูป สัญญา
สังขาร วิญญาณ รูป เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ เวทนารูป สัญญา
สังขาร รูป สัญญา วิญญาณ เวทนา สังขาร รูป วิญญาณ สัญญา เวทนา
สังขาร สัญญา รูป วิญญาณ เวทนา สังขาร สัญญา วิญญาณ รูป เวทนา
สังขาร วิญญาณ รูป สัญญา เวทนา สังขาร วิญญาณ สัญญา รูป เวทนา
สังขาร เวทนา สัญญา วิญญาณ รูป สังขาร เวทนา วิญญาณ สัญญา รูป
สังขาร สัญญา เวทนา วิญญาณ รูป สังขาร สัญญา วิญญาณ เวทนา รูป
สังขาร วิญญาณ เวทนา สัญญา รูป สังขาร วิญญาณ สัญญา เวทนา รูป
ขันธ์ ๕ กองนี้มีสังขารเป็นไปพร้อมรูป เวทนา สัญญา วิญญาณ ความรู้สึกเปลี่ยนแปลง เพราะจิตตสังขารปรุงแต่งให้มีความหวั่นไหวอยู่เสมอ ในรูป เสียง กลิ่น รส โผฏฐัพพะ สัมผัสแล้วปรุงแต่งให้ชอบไม่ชอบ ปรุงแต่งถึงที่สุดแล้ว หรือปรุงแต่งไม่ได้แล้วจึงหยุด วางเฉยในอารมณ์ทั้งหลายเสียได้ ความวิตกวิจารจึงดับ สังขาร ความปรุงแต่งไม่มี จิตก็เป็นอิสระ กิเลสและกองทุกข์ก็สิ้นไป เพราะสังขารตัวปรุงแต่งของตัณหาไม่มี ดับความคิดนึกวิตกวิจารเสียได้จึงเป็นสุข
(เพราะวิตก ความตรึกวิจาร ความตรองเป็นตัวสังขาร)
วิญญาณ รูป เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ รูป สัญญา เวทนา สังขาร
วิญญาณ เวทนา รูป สัญญา สังขาร วิญญาณ เวทนา สัญญา รูป สังขาร
วิญญาณ สัญญา รูป เวทนา สังขาร วิญญาณ สัญญา เวทนา รูป สังขาร
วิญญาณ รูป เวทนา สังขาร สัญญา วิญญาณ รูป สังขาร เวทนา สัญญา
วิญญาณ เวทนา รูป สังขาร สัญญา วิญญาณ เวทนา สังขาร รูป สัญญา
วิญญาณ สังขาร รูป เวทนา สัญญา วิญญาณ สังขาร เวทนา รูป สัญญา
วิญญาณ รูป สัญญา สังขาร เวทนา วิญญาณ รูป สังขาร สัญญา เวทนา
วิญญาณ สัญญา รูป สังขาร เวทนา วิญญาณ สัญญา สังขาร รูป เวทนา
วิญญาณ สังขาร รูป สัญญา เวทนา วิญญาณ สังขาร สัญญา รูป เวทนา
วิญญาณ เวทนา สัญญา สังขาร รูป วิญญาณ เวทนา สังขาร สัญญา รูป
วิญญาณ สัญญา เวทนา สังขาร รูป วิญญาณ สัญญา สังขาร เวทนา รูป
วิญญาณ สังขาร เวทนา สัญญา รูป วิญญาณ สังขาร สัญญา เวทนา รูป
ขันธ์ ๕ มีวิญญาณ ความรู้สึกเป็นใหญ่เป็นประธาน ความรู้สึกในอายตนะภายในภายนอก เป็นหน้าที่ของวิญญาณ ส่วนสัญญา เวทนา สังขาร อันเป็นส่วนหนึ่งของจิต วิญญาณเป็นตัวผล จิตเป็นเหตุ ความรู้สึกดีชั่ว เป็นปัญญา ปัญญาเป็นนามธรรมของจิต จิตรู้ เป็นจิตตะวิชชา ความรู้สึกก็ดี ความปรุงแต่งก็ดี ความจำก็ดี ความเป็นสุข เป็นทุกข์ เป็นอุเบกขาก็ดี ล้วนอาศัยรูปกายนี้เป็นที่ตั้งที่ประชุม ถ้ามหาภูติรูปกายนี้แตกแล้ว อุปาทานรูป รูปอาศัยคือนามนี้ก็ตั้งอยู่ไม่ได้ ถ้าเราดับความรู้สึกสมมติบัญญัติอย่างโลก คือ รูปนามเสียได้ อวิชชาความไม่รู้จะหายไป เหลือจิตรู้ วิชชาและอวิชชาเป็นเอกัคคตาจิต จึงเป็นเอโกธมฺโม ปรินิพฺพ โตปิ จิตดับหายไปจากนามรูปแล้วเหลือแต่รู้เข้าใจว่าถึงนิพพาน เหลือแต่จิตไม่มีทั้งสมมติและปรมัตถ์ เพราะสมมติสัจจะบัญญัติเรียกรูปธรรม ปรมัตถสัจจะบัญญัติเรียกนามธรรม ฉะนั้น เอกํจิตฺตํวิมุตฺตํ จิตดวงเดียวเป็นผู้หลุดพ้น วิญญาณอุปหะในรูป เวทนา สัญญา สังขารก็ดับ จิตเป็นสุข มโนปุพพํคมา ธมฺมา มโนเสฏฺฐา มโนมายา ใจดวงแรกเป็นธรรมเป็นใหญ่ ที่ตนสำเร็จ คือได้มาจากความรู้ที่ใจนั่นเอง ใจนั้นจึงกว้างขวางยิ่งกว่าท้องฟ้ามหาสมุทร เป็นที่รวบรวมไว้ซึ่งนรก เปรต อสุรกาย สัตว์ดิรัจฉาน มนุษย์ สวรรค์ พรหม นิพพาน จิตนี้ยิ่งใหญ่นัก หาผู้เสมอมิได้ จิตเสมอกับจิตเท่านั้น แต่คุณภาพต่างกันบ้างโดยเป็นจิตพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ปัจเจกพุทธเจ้า อรหันตสาวกเท่านั้น ข้อนี้หมายความเอาคุณภาพจิตที่วิเศษแล้วโดยยิ่งเหนือที่สุดแล้ว ด้วยการชำระจิตบริสุทธิ์ได้แล้ว ไม่กล่าวหมายถึงจิตที่ยังมิได้ชำระ
“สังขารอันประกอบด้วยวิตกวิจาร เปล่งออกคือ ความรู้สึกเรียกว่าวิญญาณ”
บันทึกธรรมเมื่อ วันพฤหัสบดีที่ ๗ มิถุนายน พ.ศ. ๒๕๒๒
(รูปอุปทาน เวทนาอุปทาน สัญญาอุปทาน สังขารอุปทาน วิญญาณอุปทาน ) รูปอาศัยอุปทานเกิดขึ้น เวทนาอาศัยอุปทานเกิดขึ้น สัญญาอาศัยอุปทานเกิดขึ้น สังขารอาศัยอุปทานเกิดขึ้น วิญญาณอาศัยอุปทานเกิดขึ้น รู้แล้วละอุปทานเสียได้ ขันธ์ ๕ ก็ไม่เกิด สันติความสงบก็มีขึ้นในจิตใจ
System.String[]System.String[]System.String[]System.String[]System.String[]System.String[]System.String[]System.String[]System.String[]System.String[]System.String[]System.String[]System.String[]System.String[]System.String[]System.String[]System.String[]System.String[]System.String[]System.String[]System.String[]System.String[]